ตาแห้ง เป็นเป็นภาวะที่ปริมาณน้ำตาไม่เพียงพอที่จะหล่อเลี้ยงให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวตา พบได้บ่อยกับทุกเพศทุกวัย อาการตาแห้งไม่ใช่โรคร้ายแรง แต่ก่อปัญหากวนใจในการใช้ชีวิตได้ไม่น้อย แต่การปล่อยทิ้งไว้ในระยะยาวโดยไม่ทำการรักษาจะทำให้อาการเคืองตารุนแรงยิ่งขึ้นถึงขั้นอักเสบเรื้อรังรุนแรงจนเสี่ยงต่อการตาบอดได้
สาเหตุของอาการตาแห้ง- จากพันธุกรรม
- น้ำในตาแห้งกว่าปกติอยู่แล้ว
- ต่อมน้ำตาเสื่อม
- ฮอร์โมนในร่างกายไม่สมดุล
- การใส่คอนแทคเลนส์ที่ไม่เหมาะสม ไม่ได้มาตรฐาน ค่าอมน้ำไม่เพียงพอ หรือใส่คอนแทคเลนส์ติดต่อกันนานเกิน 6-8 ชั่วโมง
- มีอาการภูมิแพ้ที่ตา โดยอาจเกิดจากฝุ่น ควัน อากาศภายนอกที่แห้ง เย็น และอื่นๆ
- การจ้องหน้าคอมพิวเตอร์ และสมาร์ทโฟนมากเกินไป
- การใช้ยาบางประเภท ที่ส่งผลข้างเคียงทำให้ตาแห้ง เช่น ยาคุมกำเนิด ยาแก้แพ้ ยาต้านอาการซึมเศร้า ยาลดความดันโลหิตบางประเภท
ข้อควรปฏิบัติเพื่อการป้องกัน- หลีกเลี่ยงสภาวะแวดล้อมที่เสี่ยงต่อการเกิดภาวะตาแห้ง
- ผู้มีอายุมากกว่า 40 ปีขึ้นไป ควรได้รับการตรวจเช็คสุขภาพตา อย่างน้อยปีละครั้ง
- ใช้น้ำตาเทียม เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นกับดวงตาและบรรเทาอาการตาแห้ง กรณีอาการตาแห้งไม่ดีขึ้นควรพบจักษุแพทย์โดยด่วน
- หยุดพักใช้งานหน้าจอคอมพิวเตอร์หรือมือถือทุก ๆ 20 นาที โดยหลับตาประมาณ 20 วินาที หรือมองไกล ๆ ประมาณ 20 ฟุตจะทำให้สบายตามากขึ้น
- งดการใช้คอนแทคเลนส์ต่อเนื่อง ควรมีการหยุดพักโดยใส่แว่นสลับ
- ใช้งานคอมพิวเตอร์หรือมือถือในที่ ๆ มีแสงสว่างเพียงพอ
- กะพริบตาให้บ่อย เพื่อให้น้ำตาได้เคลือบตาอยู่เป็นระยะ ๆ
- หากอยู่ในที่ที่มีอากาศแห้ง ร้อน ลมแรง แนะนำให้สวมแว่นเพื่อกันแดดกันลม
- กินอาหารให้ครบทุกหมู่และอาหารที่มีโอเมกา 3 (Omega 3 Fatty Acid) ซึ่งมีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระ อาจช่วยลดการอักเสบบรรเทาอาการตาแห้งได้
ข้อมูลอ้างอิง www.sanook.com www.thonburihospital.com www.bangkokhospital.com