สำหรับผูใช้งาน android หลายคนอาจเคยสัมผัสอาการเครื่องทำงานช้า หน่วง เครื่องอืด แบตหมดเร็ว WPN mobile ได้รวบรวมวิธิทำให้เครื่องกลับมาใช้งานได้ลื่นไหลเหมือนมาแนะนำแล้วค่ะ
1.ปรับแต่งหน้าจอหลัก
การใส่ลูกเล่นที่มากเกินไปอาจทำให้อุปกรณ์หน่วงและทำงานช้าลง ควรเลือกเฉพาะแอป ที่ใช้งานบ่อยไว้หน้าจอหลัก และไม่แนะนำให้ใช้วอลเปเปอร์ภาพเคลื่อนไหว
2. ลบไฟล์ / แอปฯที่ไม่ใช้งาน
การปล่อยให้แอปหรือไฟล์เหล่านี้ติดตั้งอยู่ตัวเครื่องจะส่งผลให้เสียพื้นที่ในสมาร์ทโฟนไปอย่างเปล่าประโยชน์ และทำให้แบตหมดเร็วขึ้น
3. ปิดการซิงค์อัตโนมัติ
การซิงค์อัตโนมัติ Auto-Sync เป็นฟีเจอร์สำคัญในระบบ Android ที่คอยอำนวยความสะดวกให้แก่การใช้งานด้วยการดึงข้อมูลอัตโนมัติทั้งการลงชื่อเข้าใช้งานบัญชีหรือสำรองข้อมูลผ่านแอปต่างๆ แต่ตะจะส่งให้เครื่องทำงานหนักขึ้นและแบตหมดเร็ว
4. ปิดแอนิเมชั่น
Android นั้น มีระบบของ OS ที่ให้ทั้งความสวยงาม ลูกเล่นต่างๆ มากมาย แต่ผลเสียคือทำให้ให้อุปกรณ์ทำงานช้าลงและสิ้นเปลืองแบตเตอรี่แนะนำให้หยุดปรับแต่งมือถือด้วยองค์ประกอบภาพพื้นหลังหรือวอลเปเปอร์แบบเคลื่อนไหว
5. ไม่ควรใช้ Task Killer
การใช้ Task Killer จะเป็นการปิดแอป ออกจากการใช้งาน ซึ่งเมื่อเวลาที่เราต้องการจะเข้าไปใช้งานแอปฯ ที่ได้ปิดไปแล้วนั้น จะต้องทำการโหลดใหม่ ซึ่งจะใช้เวลานานกว่าปกติ
6. ปิดการทำงานของแอพเบื้องหลัง
ใน Android นั้น แอพจะทำงานอยู่เบื้องหลังในตอนที่เราเปิดแอพขึ้นมาใช้งาน แล้วเปิดแอพอื่นๆ ต่อไปเรื่อยๆแม้ว่าแอพต่างๆ ที่เราเปิดจะเปลี่ยนไป แต่แอพก็ยังคงมีการทำงานอยู่เบื้องหลัง เพื่อให้พร้อมสำหรับการเรียกใช้งานครั้งต่อๆ ไป การปิดแอพที่ไม่ได้ใช้งาน จึงช่วยประหยัดการใช้ทรัพยากรในเครื่อง ส่งผลให้เครื่องมีความลื่น เร็ว ขึ้น
7. อัปเดทตัวเครื่องเป็นเวอร์ชั่นล่าสุด
การอัปเดตมือถือเป็นเวอร์ชั่นใหม่ล่า จะมีการปรับปรุงประสิทธิภาพให้ดีขึ้น
8. เคลียร์แคช
ลบ App Cache ( ไฟล์ข้อมูลชั่วคราวที่แอปสร้างขึ้นเพื่อให้เรียกใช้ข้อมูลในครั้งต่อไปได้รวดเร็ว ) การลบจะช่วยให้แอปทำงานได้ลื่นขึ้น แต่การลบ App Cache แอปอาจจะถูกล้างการตั้งค่าบางอย่างที่เคยตั้งไว้
9. เลือก microSD card ให้เหมาะกับรุ่นมือถือ
การเลือกใช้งาน SD Card ที่เหมาะสม ก็จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของสมาร์ทโฟน รวมไปถึงการถ่ายโอนข้อมูลในตัวเครื่องด้วย โดยเฉพาะเวลาที่เราต้องการใช้งาน หรือส่งไฟล์ ที่มาจากใน SD Card
10. รีเซ็ตเครื่อง
วิธีสุดท้ายที่จะแก้ปัญหาคือทำการรีเซ็ตเป็นค่าจากโรงงาน (Factory reset) โดยวิธีการนี้ใช้ได้กับสมาร์ทโฟนระบบปฏิบัติการ Android ทุกรุ่น
ก่อนการทำ Factory reset อย่าลืมสำรองข้อมูล