ใครที่ใช้มือถือเครื่องเดิมนานๆ จะน่าจะเคยประสบปัญหาเครื่องอืด ช้า ความจำเต็ม เนื่องมาจากไฟล์ขยะที่สะสมอยู่ในเครื่องเยอะ ทำให้ไม่สามารถใช้งานบ้างฟีเจอร์ หรือลงแอปเพิ่ม บักทึกไฟล์ ภาพ วิดีโอ ไม่ได้ จะซื้อเครื่องใหม่ก็ยังไม่มีงบ T^T เราจึงได้รวบรวมวิธีแก้ปัญหามาแล้ว เป็นวิธีการลบไฟล์ขยะทั้งใน ios และ android
ไฟล์ขยะ
คือไฟล์ที่ถูกสร้างขึ้นชั่วคราวเพื่อให้ระบบสามารถทำงานอย่างใดอย่างหนึ่งได้ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดแอป, เปิดดูรูป, ท่องเว็บ, เปิดดูไฟล์งาน ตลอดจนการใช้งานอื่นๆ นอกจากนี้ ไฟล์ชั่วคราวยังถูกสร้างขึ้นเพื่อช่วยให้การเรียกใช้แอปในครั้งต่อๆ ไป สะดวก และเร็วขึ้น หรือไฟล์ที่บันทึกสถานะของงานที่เราทำค้างไว้ เพื่อให้สามารถกลับไปแก้ไขได้
วิธีการลบไฟล์ขยะใน ios
- ล้างข้อมูล Safari
ไปที่ ตั้งค่า > ทั่วไป > พื้นที่จัดเก็บข้อมูลของ iPhone > Safari > เลือกข้อมูลเว็บไซต์ > เอาข้อมูลทั้งหมดออก - ลบแคชไลน์
ไปที่ ตั้งค่า > แชท > ลบข้อมูล > เลือกข้อมูลแคช > ลบข้อมูล - ลบข้อมูล iMessage
ไปที่ ตั้งค่า > ทั่วไป > พื้นที่จัดเก็บข้อมูลของ iPhone > Messages > การสนทนามากที่สุด > ปัดไปทางซ้ายแล้วลบได้เลย - ลบข้อมูลขยะ Facebook
ไปที่เมนู 3 ขีด > เลือกการตั้งค่า > เลื่อนลงมา เลือก "เบราเซอร์" > หาตัวเลือก "ข้อมูลการเลือกดูของคุณ" > กด "ล้าง" เพื่อเคลียร์ข้อมูล
วิธีการลบไฟล์ขยะใน Android
ลบไฟล์ขยะด้วยแอป Google Photos
- มือถือ Android ทุกรุ่นจะมีแอป Google Photos ติดเครื่องมาด้วย
- เปิดแอป Photosในบริการของ Google แตะไอคอน Library (คลังภาพ) จะปรากฏหน้าเก็บข้อมูลรูปภาพและวีดีโอที่บันทึกไว้ในอุปกรณ์
- แตะปุ่ม Trash (ถังขยะ) หน้าจัดการไฟล์ขนะให้ แตะไอคอน 3 จุด มุมขวาบนของหน้าจอ เลือกเมนู Empty Trash (ลบทุกอย่างในถังขยะ)
- จะมีข้อความแจ้งเตือนว่าต้องการลบข้อมูลรูปภาพและวีดีโอทั้งหมดหรือไม่ เมื่อลบไปแล้วจะไม่สามารถกู้คืนกลับมาได้ หากต้องการลบให้กดปุ่ม Allow (อนุญาต)
ลบไฟล์ขยะด้วยแอป Files by Google- สามารถดาวน์โหลดได้ผ่าน Play Store เป็นอีกหนึ่งบริการฟรีไว้ช่วยจัดการไฟล์ข้อมูลบนมือถือแอนดรอยด์
- เปิดแอปฯ Files by Google แตะไอคอน 3 ขีด มุมซ้ายบนของหน้าจอ เลือกเมนู Trash (ถังขยะ)
- หน้าจัดการไฟล์จะแสดงรายการข้อมูลทั้งหมด ส่วนใหญ่จะเป็นรูปภาพและวีดีโอ ให้แตะเลือก All Items (เช็กถูกเลือกรายการทั้งหมด) กดปุ่ม Delete (ลบ) โดยจะมีหน้าต่างแจ้งเตือนยืนยันการลบในขั้นตอนสุดท้าย
เพียงเท่านี้ก็จะได้พื้นที่บนมือถือคืนกันแล้ว ลองเอาไปใช้กันดูนะคะ
ขอบคุณข้อมูลจาก goodi3.com , thaimobilecenter.com , chillpainai.com